Sunday 6 March 2011

หงส์..แดงเดือด...!!!


ก็ผ่านพ้นไปเรียบร้อยสำหรับศึกแดงเดือดครั้งที่สามในฤดูกาลนี้พร้อมกับชัยชนะในแบบภาษาฟุตบอลว่า บอลคนละชั้นของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลเหนือคู่ปรับตลอดกาลอย่าง "ปีศาจแดง" แมนเชส เตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่สดใส ณ สนามแอนฟิลด์ในเมืองลิเวอร์พูล

นัดนี้ทั้งคิง เคนนี่และท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จัดผู้เล่นชุดที่สมบูรณ์ที่สุดของทั้งสองทีมลงสนาม ทางฝั่งเจ้าถิ่นใส่ชื่อของ แอนดี้ คาโรลล์ไว้ที่ม้านั่งสำรอง ส่วนทีมเยือนส่ง เวส บราวน์ลงมาจับคู่กับ คริส สมอลลิ่ง แทนที่ของเนมานย่า วิดิช ที่ติดโทษแบน

ในช่วงสิบห้านาทีแรก เป็นเจ้าถิ่นที่ใช้แท็คติคเดิมๆในช่วงหลายปีหลังคือ เข้าบีบบอลเร็ว และ เน้นการจ่ายบอลแบบแน่นอน เพื่อไม่ให้กองกลางของแมนยู ได้มีโอกาสตั้งเกม และก็ถือว่านักเตะหงส์แดงทำหน้าดีได้อย่างดีเยี่ยมและเล่นได้ตามแผน โดยเป็นฝ่ายครองบอลและบุกกดดันทีมเยือนอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวรุกของปีศาจแดงอย่างนานี่, รูนี่ย์และเบอร์บาตอฟ มีบทบาทในเกมน้อยมาก โดยโอกาสใกล้เคียงที่สุดของทีมเยือนมาจากการยิงแบบเอามันของเบอร์บาตอฟนอกกรอบเขตโทษ ซึ่งบอลชนเสานอกออกไปแบบได้ลุ้นเหมือนกัน

ในท้ายครึ่งแรกความพยายามของเจ้าถิ่นก็ประสบผลสำเร็จ โดยประตูนี้ต้องให้เครดิตไปเต็มๆ สำหรับ "หม่อมเหยิน" หลุยส์ ซัวเรซ  ที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวล็อกหลบผู้เล่นของทีมเยือนถึงสามคนในกรอบเขตโทษก่อนที่จังหวะสุดท้ายจะยิงแปบอลผ่าน ฟาน เดอ ซาร์ไปแล้วและเดิร์ค เค้าท์ตามมาซ้ำเพื่อความแน่ใจทำให้เจ้าถิ่นที่วันนี้ดุคึกคักเป็นพิเศษขึ้นนำไปก่อน และหลังจากนั้นไม่นานลิเวอร์พูลก็มาได้ประตูที่สองจากความผิดพลาดของนานี่ ซึ่งโหม่งสกัดบอลผิดเหลี่ยมทำให้บอลมาเข้าทางของ เค้าท์โขกเข้าไปแบบจ่อๆ น้าซาร์หมดสิทธิ์ สกอร์ขยับเป็น 2-0 อย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ว่าจะนำอยู่สองลูกแต่เจ้าถิ่นก็ยังเป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้เกือบหมดโดยเฉพาะซัวเรซที่ดูโดดเด่นมาก ทั้งขยันไล่บอล และอาศัยความเร็วพาบอลเข้าไปกดดันกองหลังทีมเยือนได้ตลอด ส่วนทีมเยือนยังเล่นกันผิดพลาดและดูเหมือนว่ายังตั้งเกมไม่ได้โดยเฉพาะไมเคิ่ล คาร์ริค ซึ่งหายไปจากเกมและดูเหมือนว่าจะทับตำแหน่งกับพอล สโคลส์ด้วย ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมมีการปะทะกันแบบรุนแรงจนนานี่บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวโดยเปลี่ยนตัวออกไป และเกมจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังดูเหมือนว่าเซอร์ อเล็กซ์ จะปรับแท็คติคโดยถ่าง รูนี่ย์ ออกมาทางริมเส้นด้านซ้ายเพื่อทำเกมบุกกดดันกองหลังเจ้าถิ่น และถือว่าช่วงต้นครึ่งหลังทีมเยือนบุกกดดันได้ดี โดยเจ้าถิ่นดูเหมือนว่าจะเน้นตั้งรับมากเกินไปสำหรับการพบกับทีมอย่างผีแดง หลังจากบุกอยู่ในช่วงสิบนาทีแรกในครึ่งหลังแต่ก็ยังไม่ได้ประตู จากนั้นเกมก็กลับมาเจ้าถิ่นเหมือนเดิม จนกระทั่งมาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะอย่างเด็ดจากแฮตทริคของเดิร์ค เค้าท์ที่ตามไปซ้ำลูกยิงของซัวเรซ ที่ฟาน เดอร์ ซาร์ปัดกระฉอกออกมาอย่างเด็ดขาด จากนั้นเกมก็ดูเนือยๆลงไป แต่คิง เคนนี่ ก็ทำให้บรรยากาศการเชียร์ของเดอะ ค็อปมีพลังยิ่งขึ้นเมื่อส่ง เจ้ายักษ์ คาโรลล์ลงสนามมาแทน เมเรเลส ซึ่งดูหมดแรงไปในช่วงท้ายๆ แต่ก็ต้องมาโดนตีไข่แตกจนได้จากการโหม่งของ ชิชาร์ริโต้ โดยที่ไม่มีคนประกบ ถือว่าลูกนี้กองหลังเจ้าถิ่นเสียสมาธิแบบชัดเจน แต่ก็ไม่มีปัญหาจบเกมลิเวอร์พูล ถล่มอริตลอดกาลไปแบบฟอร์มขั้นเทพด้วยสกอร์ 3-1 

วิเคราะห์เจาะลึก

นัดนี้คิง เคนนี่ วางแท็กติคมาตามคาด เมื่อสั่งให้ลูกทีมเข้าบีบบอลเร็วและเข้าถึงตัวทุกจังหวะ ไม่ปล่อยให้แนวรุกทีมเยือนได้มีเวลาครองบอลนานและก็ได้ผลอย่างชัดเจน ทำให้เกมรุกของทีมเยือนไร้พิษสงไปเลย กองกลางสามตัวทั้ง ลูคัส, เมเรเลสและเจอร์ราร์ด ถือว่าเข้ากันได้ดีทั้งเกมรับและรุก ส่วนแนวรุกถือว่า ซัวเรซ สอบผ่านไปแบบสบายๆ มีความเร็ว ทักษะและเล่นด้วยความมั่นใจ กดดันกองหลังทีมเยือนได้ตลอดทั้งเกม และเป็นขวัญใจคนใหม่แทนที่ ตอร์เรสไปเรียบร้อยแล้ว ทีมเยือนนัดนี้ถือว่าทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง แผงมิดฟิล์อย่างพอล สโคลส์ที่ไม่สามารถปั้นเกมได้เลยและโดยเฉพาะคาร์ริค ที่ไม่มีบทบาทในเกมเลยตลอดทั้งเกม ตัวความหวังอย่างรูนี่ย์ไม่สามรถสร้างจังหวะหวาดเสียวให้กับทีมได้เลย รวมทั้งการบาดเจ็บของนานี่ก็เลยทำให้เกมบุกทางริมเส้นซึ่งเป็นทีเด็ดของแมนยูมาตลอดเป็นอัมพาตส่งผลให้กองหลังเจ้าถิ่นเล่นกันอย่างสบาย และการขาดวิดิชไปก็ถือว่ามีผลกระทบอย่างชัดเจน ตัวแทนอย่างเวส บราวน์ไม่สามารถลงมาทำผลงานได้ในระดับที่น่าพอใจได้ ทำให้เกมขาดไปตั้งแต่จบครึ่งแรก 

ชัยชนะของหงส์แดงในนัดนี้ก็เป็นชัยชนะที่สวยงามนัดหนึ่งหรืออาจจะเรียกได้ว่าสวยงามที่สุดในฤดูกาลนี้จากที่ผ่านมาก็ว่าได้ แต่ปัญหาเดิมๆก็คือ พวกเขาไม่สามารถรักษาระดับการเล่นให้มีมาตรฐานและสม่ำเสมอได้แบบทีมอย่าง เชลซี,แมนยู, อาร์เซน่อล หรือแม้กระทั่งสเปอร์สที่ดูเหมือนว่ามาตรฐานการเล่นจะแซงหน้าลิเวอร์พูลไปแล้วตอนนี้ ส่วนโปรแกรมที่เหลือในฤดูกาลนี้ก็แค่ทำผลงานให้ดีที่สุดรักษาอันดับเพื่อไปเล่นบอลยุโรป้าและต้องยอมรับว่าความหวังทำอันดับไปแชมเปี้ยนลีคในฤดูกาลนี้คงจะไกลเกินเอื้อมไปแล้ว แต่ในฤดูกาลหน้าถ้า คิง เคนนี่ ยังได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ ผจก ทีมต่อไป ผมเชื่อแน่ว่าฤดูกาลหน้าสาวกหงส์แดง คงจะมีความหวังที่จะเห็นทีมกลับมาผงาดได้อีกครั้ง ในเมื่อพวกเขามีกุนซือที่มีครบทั้ง ประสบการณ์, ความเข้าใจในเกม, การจัดแท็คติคและที่สำคัญที่สุดคือ บารมี ซึ่งทำให้กองเชียร์และนักเตะในทีมพร้อมแล้วที่จะก้าวไปพร้อมกับชายคนนี้ที่ชื่อ " เคนนี่ ดัลกลิช "







No comments:

Post a Comment