Friday 4 March 2011

หงส์แดงที่บลูมฟิลด์ โร้ด

ผ่านพ้นกันไปอีกเกมครับ พร้อมกับความพ่ายแพ้นัดที่ 10 แบบไม่มีข้อแก้ตัวของอดีตทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งในเกาะอังกฤษ
ท่านผู้ชมท่านใดที่ได้มีโอกาสรับชมเกมถ่ายทอดสดระหว่าง น้องใหม่ เดอะ ซีไซเดอร์ แบล็คพูล พบกับ หงส์แดง ลิเวอร์พูล เมื่อคืนนี้ จะเห็นได้ว่า คิง เคนนี่ ที่มีโอกาสได้รับความไว้วางใจจากประธานสโมสรคนใหม่และแรงผลักดันจากเดอะ ค็อป ผู้เรียกร้องให้อดีตนักเตะและกุนซือผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขากลับมารับหน้าที่ผู้จัดการทีมต่อจาก รอย ฮ็อดจ์สัน ผู้ร้ายในสายตาเดอะ ค็อป จัดผู้เล่น 11 ตัวจริงแบบไม่คุ้นสายตาแฟนบอลพอสมควร แต่ในทางกลับกันก็แสดงให้เห็นว่าเขากล้าที่จะเปิดโอกาสให้กับนักเตะที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสมากนักในยุคของ รอย ฮ็อดจ์สัน ลงสนามพร้อมกันถึง สามคน ได้แก่ มาร์ติน เคลลี่ ในตำแหน่งแบ็กขวา คริสเตียน โพลเซ่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง และเหนือการคาดหมายของแฟนบอลทุกคนคือ โยวาโนวิช ออกสตาร์ทในตำแหน่งปีกซ้ายที่แทบจะถูกลืมในยุคของ รอย ฮ็อดจ์สัน
และในม้านั่งสำรองไร้เงาของ บาเบล และโจ โคล ส่วน สตีวี จี ติดโทษแบน จากเกมเอฟเอคัพที่แพ้ แมนยู เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา

นัดนี้หงส์แดงออกสตาร์ทได้อย่างคึกคักและขึ้นนำ อย่างรวดเร็วจาก เอล นินโญ่ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่รับบอลจากการจ่ายของ เคลลี่ และยิงแสกหน้าผู้รักษาประตูแบล็คพูลเข้าไปอย่างสวยงาม จนเดอะ ค็อปทั้งหลายอดคิดไม่ได้ ตอร์เรส คนเดิมได้กลับมาแล้ว และ กองเชียร์หงส์แดงที่ตามมาเชียร์กันหลายพันคน เฮฮากันอย่างสุดเหวี่ยง คึกคัก ซึ่งเราไม่เคยเห็นกันมานานโดยเฉพาะในยุคของ ป๋ารอย

แต่หลังจากนั้นเกมของหงส์แดงที่นัดนี้ เห็นได้ชัดว่าพยามยามเน้นการเคาะบอลสั้นๆ แต่ยังหาความแน่นอนไมได้ ก็ต้องสังเวยประตูตีเสมอไปอย่างง่ายดาย ตามสไตล์หงส์แดง เมื่อ ราอูล เมเรเลส ซึ่งนัดนี้จ่ายบอลผิดพลาด ตลอดทั้งเกม เสียบอลตรงกลางสนาม และผู้เล่นแบล็คพูล ฉวยโอกาสนี้ไว้ได้ เมื่อแกรี่ เทเลอร์ เฟล็ทเชอร์ได้บอลตามช่องจากเพื่อนร่วมทีม หลุดทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษ และล็อกบอลตามสูตร หลบแอกเกอร์ ที่เข้าพรวดและเลือกแปบอลผ่าน เรน่า ไปแบบสบายๆ นำแบล็คพูลกลับสู่เกมอย่างรวดเร็ว

เกมของหงส์แดงยังไม่ค่อยได้ลุ้นอะไรมากนัก เพราะกองกลางยังเก็บบอลไมได้ ทั้งลูคัส เมเรเลส และ โพลเซ่น ซึ่งทั้งสามคนนี้ช้ากว่านักเตะแบล็คพูลพอสมควร โดยเฉพาะชาลี อดัมส์ ซึ่งนัดนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ทำไมถึงมีข่าวออกมาก่อนเกมว่า เคนนี่ สนใจที่จะดึงเขามาร่วมงานในถิ่นแอนฟิลด์ ชาลี คุมเกมตรงกลางสนามไว้ได้หมด บอลสั้น ยาว ของเขาแม่นยำ จนมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูล ไม่สามารถตัดได้เลย จะมีก็แต่ ตอร์เรส ที่ดูพยายามและตั้งใจที่จะเรียกฟอร์มเดิมๆ กลับมาแต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนของเพื่อนร่วมทีมมากนัก

ช่วงท้ายครึ่งแรกแบล็คพูลเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์ทุกอย่างในสนามไว้ได้หมด กลับเป็นฝ่ายลิเวอร์พูลเอง ที่เล่นผิดพลาดกันไปหมด จ่ายบอลขาดๆเกินๆ บอลยาวไม่มีความแม่นยำ และ ดูหงุดหงิดจากการตัดสินของผู้ตัดสินในบางจังหวะด้วย ผิดกับแบล็คพูลที่แม้ว่าจะเน้นการวางบอลยาวไปที่ปีกทั้งสองข้าง และ กองหน้า แต่บอลยาวของพวกเขากลับมีความแม่นยำ และมีเป้าหมาย กองหน้าเก็บบอลได้หมด เอาชนะกองหลังลิเวอร์พูลได้ตลอด จนทีมเยือนไม่มีโอกาสที่จะโตกลับเลย จนเปอร์เซ็นการครองบอลของทั้งสองทีมช่วงก่อนหมดครึ่งแรก ห่างกันอย่างลิบลับ


เกมครึ่งหลังเปิดมาก็ยังเป็นแบล็คพูลที่เล่นได้แน่นอนกว่าทีมเยือนโดยตลอดจนกระทั่งมาได้ประตูที่สองจากการโขกโล่งๆ ไร้คนประกบของ ดีเจ แคมเบลล์ ซึ่งนัดนี้โชว์ฟอร์มได้วูวาบ จี๊ดจ๊าดเหลือเกิน ทางริมเส้นด้านขวาของเจ้าถิ่น
รูปเกมยังคงเดิมๆ เจ้าถิ่นยังคุมเกมเอาไว้ได้หมดจนกระทั่ง คิง เคนนี่ ทำการแก้เกมด้วยการส่ง จอนโจ เชลวีย์ ที่มีโอกาสได้ลงสนามเป็นตัวสำรองสองนัดติดต่อกัน และดูเหมือนเคนนี่จะโปรดปรานเป็นพิเศษ มาแทน เดิค เค้าท์ ซึ่งนัดนี้ทำอะไรไมได้ออกไป แต่เกมก็ยังไม่ได้ลุ้นอะไร จน ดาวิด เอ็นก็อก ตัวสำรองอีกคนได้โอกาสลงสนามมาในช่วงท้ายเกม แต่ก้อยังไม่เป็นผล เพราะนัดนี้แบล็คพูล เล่นได้ตามแผนและทุกคนโชว์ฟอร์มได้ดีเหลือเกิน
จนกล้องจับไปที่ เคนนี่ ดัลกริช และผู้ช่วยสตีฟ คล้าก ซึ่งสีหน้าของทั้งสองแสดงออกอย่างชัดเจนว่าผิดหวังในผลงานของลูกทีม และนกหวีดยาวของผู้ตัดสินก็ดังขึ้น ลิเวอร์พูลพบกับความพ่ายแพ้นัดที่สิบในลีค ของฤดูกาลและเป็นการพ่ายแพ้ ห้าจากเจ็ดนัดในผลงานการออกนอกบ้านหลังสุด จนตกไปอยู่อันดับที่สิบสาม ห่างจากโซนตกชั้นแค่สี่แต้มเท่านั้น


จากความพ่ายแพ้ในนัดนี้ แสดงให้เห็นว่าแนวรับทั้งสี่คนที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่ตลอด รวมถึงแผงมิดฟิลด์ที่ไม่สามารถขึ้นบอลจากกลางไปสู่หน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากพอ ทำให้ ตอร์เรส ดูโดดเดี่ยวและไม่สามรถกดดันกองหลังของเจ้าถิ่นได้เลย

ดูแล้ว คิง เคนนี่ ซึ่งกลับมารักษาหงส์ป่วยตัวนี้ คงไม่ใช่งานง่ายๆแล้วละครับ









No comments:

Post a Comment