บล็อกเล็กๆ เด็กคอหงส์ by TeeleK IndY
" บล็อกนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเฉพาะกลุ่มคนรักฟุตบอลและมีความเป็นอินดี้เท่านั้น ห้ามนำบทความในบล็อกนี้ไปทำซ้ำ,ดัดแปลงหรือใช้ถ้อยคำหยาบคายเพื่อความเฮฮาเนื่องในโอกาสต่างๆอย่างเด็ดขาด "
Tuesday, 12 April 2011
ในที่สุด เคนนี่ ก็มองเห็นปัญหา....
ฟอร์มของพลพรรค "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลที่เปิดบ้านจม "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปแบบสวยงาม 3-0 บวกกับฟอร์มการเล่นที่สมบูรณ์แบบนัดหนึ่งของพวกเขาในฤดูกาลอันน่าผิดหวังนี้ ถือว่าเป็นของขวัญก่อนวันสงกรานต์สำหรับเดอะ ค็อปชาวไทยได้มีรอยยิ้มกันถ้วนหน้ากันเลยทีเดียว
เคนนี่ ดัลกริช มองเห็นปัญหาจากนัดที่แล้วที่ออกไปพ่ายเวสบรอมวิช 2-1 ด้วยการถอด " โซโต้ " คีเกียร์กอส ซึ่งเป็นบ่อขนาดใหญ่ในเกมรับออกไปแล้วทำเซอร์ไพรส์ด้วยการส่งดาวรุ่งวัย 18 ปีอย่าง อลัน ฟลานาแกน ลงสนามในตำแหน่งแบ็คขวา แล้วหุบเอาคาราเกอร์ไปยืนคู่ สเคอร์เทล ส่วนด้านซ้ายได้ ออเรลิโอ กลับมาทันเวลา แดนกลางยังเป็นสามประสาน สเปียริ่ง ลูคัสและ เมเรเลส เหมือนเดิม ในแดนหน้าก็ยังเป็นสามประสาน เค้าท์ ซัวเรซและคาโรลล์
หงส์แดงเริ่มต้นเกมได้อย่างหึกเหิมตามแบบฉบับของพวกเขาสำหรับเกมในบ้าน จนเกือบได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากการตั้งใจยิงเล่นทางของซัวเรซ จากการจ่ายของคาโรลล์ แต่บอลก็ยังไม่มุมพอที่จะผ่านโจ ฮาร์ทไปได้ แม้จังหวะสุดท้ายบอลจะกระเด้งไปโดนเสาเหลี่ยมนอกออกไปก็ตาม อย่างไรก็ตามในที่สุดหลังจากกดดันอยู่นาน เจ้าถิ่นก็มาได้ประตูขึ้นนำจนได้จากการยิงแบบเต็มหลังเท้าของคาโรลล์ ลูกนี้หมดสิทธิ์สำหรับโจ ฮาร์ท หลังจากนั้นแมนซิตี้ ก็มีโอกาสแบบประปรายในการตีเสมอ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก เพราะในนัดนี้เกมในแดนกลางลิเวอร์พูลทำได้ดีมากทั้ง ลูคัส สเปียริ่งและเมเรเลส สอดประสานกันได้อย่างลงตัว ตัดเกมและสร้างสรรค์เกมได้ตลอด โดยเฉพาะลุคัส ที่ช่วยแบ่งเบาภาระของบรรดาแผงหลังได้ดีเหลือเกิน และภาพรวมในครึ่งแรกถือว่าแตกต่างจากเกมในนัดที่แล้วอย่างสิ้นเชิง เหมือนเป็นคนละทีมยังไงยังงั้น
แมนซิตี้วันนี้ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่ อดัม จอห์นสัน เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังพอเล่นได้ มีลูกวูบวาบให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ ส่วนคนอื่นวันนี้ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานทั้งหมด รวมทั้งการเสียเตเบซไปตั้งแต่ต้นเกมก็มีส่วนทำให้แผงหลังลิเวอร์พูลเล่นได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมพอสมควร จนกระทั่งเกมมาขาดลอยในท้ายครึ่งแรก เมื่อหงส์แดงเจ้าถิ่นได้ประตูสองลูกติดๆกัน จากการแปเน้นๆของเดิร์ค เค้าท์และการโหม่งของคาโรลล์ ซึ่งถ้าดูจากภาพช้าน่าจะเป็นการทำเข้าประตูตัวเองมากกว่าแต่ก็เป็นโชคของคาโรลล์ที่ทางอังกฤษให้เป็นประตูของเขาไป
เกมในครึ่งหลังลิเวอร์พูลก็เล่นแบบประคองตัว เน้นการครองบอลตามแบบฉบับบอลนำ แต่ทีมเยือนก็ไม่มีปัญญาสร้างความลำบากใจให้เจ้าถิ่นได้เลย จนจบเกมลิเวอร์พูลคืนฟอร์มถล่มแมนซิตี้ไปแบบไม่บอบช้ำ 3-0
เกมนี้ต้องถือว่า คิง เคนนี่ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกจุดที่ถอดเอาคีเกียร์กอสออกไป และกล้าดันดาวรุ่งอย่างฟลานาแกนมาใช้งานในตำแหน่งแบ็กขวา ซึ่งดูแล้วมีอนาคตเลยทีเดียว เบสิคบอลดี นิ่งและไม่พรวดพราด ถือว่าน่าจับตามองอีกคน ส่วนรูปแบบการเล่นบอลยาวที่มีเป้าหมายคือคาโรลล์ โดนโยนทิ้งไปในนัดนี้โดยถูกทดแทนโดยบอลสั้น เน้นความแม่นยำ ไม่ครองบอลนาน ซึ่งถือว่าได้ผลเอามากๆทีเดียว ส่วนหนึ่งก็ต้องชมผู้เล่นลิเวอร์พุลทุกคนที่นัดนี้พร้อมใจกันโชว์ฟอร์มกันได้ดีแบบไม่ได้นัดหมาย
ทีนี้เราก็ต้องมารอดูกันต่อไปครับว่าในฤดูกาลหน้า เราจะได้เห็นเครื่องจักรสีแดงตัวจริงกลับมาให้แฟนๆได้เห็นกันอีกครั้งหรือไม่ หรือว่าผลงานในนัดนี้จะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาแบบที่ผ่านมาเท่านั้น
Monday, 4 April 2011
In my opinion, I think ......
1. เปเป้ เรน่า เป็นผู้รักษาประตูที่ออกบอลเร็วด้วยมือและเท้าได้อย่างแม่นยำคนหนึ่งในพรีเมียร์ ลีค
2. โซติริออส คีร์เกียกอส เป็นกองหลังที่วางบอลยาวได้แย่มากๆ
3. มาร์ติน เคลลี่ คือ ร่างทรงของเจมี่ คาราเกอร์สมัยหนุ่มๆ
4. ฟาบิโอ ออเรลิโอ คือ ผู้เล่นที่จับบอลแรกได้นิ่มนวลที่สุดคนหนึ่งในทีมลิเวอร์พูล
5. ลูคัส คือ นักเตะดาดๆทั่วไป แต่โชคดีที่เกิดในประเทศบราซิล
6. เจย์ สเปียริ่ง ไม่ได้เ่ก่งไปกว่าคริสเตียน โพลเซ่น อย่างแน่นอน
7. โจ โคล จ่ายบอลให้เพื่อนยากๆเสมอ แม้ในยามที่ตัวเองฟอร์มตก
8. มิลาน โยวาโนวิช ได้รับโอกาสน้อยไปจริงๆ
9. จอนโจ เชลวี่ จะไม่มีโอกาสลงสนาม ถ้าผู้จัดการทีมไม่ใช่เคนนี่ ดัลกริช
10. แอนดี้ คาโรลล์ เล่นบอลด้วยเท้าได้ดีกว่าหัวเยอะมาก
11. ดาเนี่ยล แอกเกอร์ ก็คือเซนเตอร์ฮาร์ฟธรรมดาที่หาได้ทั่วไป
12. สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด มีเซ้นต์ฟุตบอลเหนือกว่าเพื่อนร่วมทีมมากเกินไป
13. หลุยส์ ซัวเรซ ก็เหมือนตอร์เรส
14. ลิเวอร์พูล เล่นฟุตบอลแบบไดเร็ก ฟุตบอล
15. เกล็น จอห์นสัน คือ ผู้เล่นที่สำคัญที่สุดในทีมรองจาก สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด
16. ราอูล เมเรเลส ไม่สามารถทดแทนชาบี อลองโซได้
17. ลิเวอร์พูล ไม่มีนักเตะแบบปีกธรรมชาติ
18. แดนนี่ วิลสัน ดูไปดูมาก็เล่นคล้ายๆโดมินิก มัตเตโอ
19. เดิร์ค เค้าท์ คือผู้เล่นที่วางเท้ายิงได้ดีมาก
20. ลิเวอร์พูล คือทีมที่เล่นฟุตบอลนัดเยือนได้น่าเบื่อทีมหนึ่งในพรีเมียร์ ลีคฤดูกาลนี้
21. รอย ฮ็อดจ์สัน ไม่ใช่คนที่ทำให้ลิเวอร์พูลมีผลงานแย่ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก
22. บารมีของ คิง เคนนี่ ทำให้นักเตะมีความกระตือรือร้นในเกมมากขึ้นอย่างชัดเจน
23. แม้ลิเวอร์พูลในยุครอย อีแวนส์ จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีความคลาสสิคมากกว่าในยุคปัจจุบันแบบเทียบกันไม่ได้
24. ดาวรุ่งที่ลิเวอร์พูลปล่อยยืมตัว มักจะสร้างผลงานได้ดีกับทีมอื่น
25. เดอะ ค็อป คือ กองเชียร์อันดับต้นๆของโลก
2. โซติริออส คีร์เกียกอส เป็นกองหลังที่วางบอลยาวได้แย่มากๆ
3. มาร์ติน เคลลี่ คือ ร่างทรงของเจมี่ คาราเกอร์สมัยหนุ่มๆ
4. ฟาบิโอ ออเรลิโอ คือ ผู้เล่นที่จับบอลแรกได้นิ่มนวลที่สุดคนหนึ่งในทีมลิเวอร์พูล
5. ลูคัส คือ นักเตะดาดๆทั่วไป แต่โชคดีที่เกิดในประเทศบราซิล
6. เจย์ สเปียริ่ง ไม่ได้เ่ก่งไปกว่าคริสเตียน โพลเซ่น อย่างแน่นอน
7. โจ โคล จ่ายบอลให้เพื่อนยากๆเสมอ แม้ในยามที่ตัวเองฟอร์มตก
8. มิลาน โยวาโนวิช ได้รับโอกาสน้อยไปจริงๆ
9. จอนโจ เชลวี่ จะไม่มีโอกาสลงสนาม ถ้าผู้จัดการทีมไม่ใช่เคนนี่ ดัลกริช
10. แอนดี้ คาโรลล์ เล่นบอลด้วยเท้าได้ดีกว่าหัวเยอะมาก
11. ดาเนี่ยล แอกเกอร์ ก็คือเซนเตอร์ฮาร์ฟธรรมดาที่หาได้ทั่วไป
12. สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด มีเซ้นต์ฟุตบอลเหนือกว่าเพื่อนร่วมทีมมากเกินไป
13. หลุยส์ ซัวเรซ ก็เหมือนตอร์เรส
14. ลิเวอร์พูล เล่นฟุตบอลแบบไดเร็ก ฟุตบอล
15. เกล็น จอห์นสัน คือ ผู้เล่นที่สำคัญที่สุดในทีมรองจาก สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด
16. ราอูล เมเรเลส ไม่สามารถทดแทนชาบี อลองโซได้
17. ลิเวอร์พูล ไม่มีนักเตะแบบปีกธรรมชาติ
18. แดนนี่ วิลสัน ดูไปดูมาก็เล่นคล้ายๆโดมินิก มัตเตโอ
19. เดิร์ค เค้าท์ คือผู้เล่นที่วางเท้ายิงได้ดีมาก
20. ลิเวอร์พูล คือทีมที่เล่นฟุตบอลนัดเยือนได้น่าเบื่อทีมหนึ่งในพรีเมียร์ ลีคฤดูกาลนี้
21. รอย ฮ็อดจ์สัน ไม่ใช่คนที่ทำให้ลิเวอร์พูลมีผลงานแย่ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก
22. บารมีของ คิง เคนนี่ ทำให้นักเตะมีความกระตือรือร้นในเกมมากขึ้นอย่างชัดเจน
23. แม้ลิเวอร์พูลในยุครอย อีแวนส์ จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีความคลาสสิคมากกว่าในยุคปัจจุบันแบบเทียบกันไม่ได้
24. ดาวรุ่งที่ลิเวอร์พูลปล่อยยืมตัว มักจะสร้างผลงานได้ดีกับทีมอื่น
25. เดอะ ค็อป คือ กองเชียร์อันดับต้นๆของโลก
Sunday, 3 April 2011
พาส แอนด์ มูฟ จริงหรือ..!!
เห็นฟอร์มการเล่นของหงส์แดงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วท้อใจจริงๆครับ รูปแบบการเล่นทั้งเกมไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นทีมที่มีอดีตที่ยิ่งใหญ่หรือเป็นทีมชั้นนำเลยแม้แต่น้อยบอลโด่ง แบบไร้จุดหมาย จากแดนหลังโดยมีเป้าหมายที่คาร์โรลเพียงคนเดียว ซึ่งจุดนี้ทีมระดับประถมก็สามารถมองออก ในใจก็นึกสงสาร หลุยส์ ซัวเรซ ขึ้นมาในทันทีเพราะเขาไม่ได้การสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมเลยและทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่า เขาอาจจะหนีไปจากหงส์แดงเร็วกว่าที่คิดเหมือนกรณีของตอร์เรสก็ได้เนื่องจากสไตล์การเล่นแบบนี้ของลิเวอร์พูล มิหนำซ้ำในทางกลับกัน กลับกลายเป็นทีมเล็กๆอย่าง เวสบรอมวิช ซะด้วยซ้ำที่มีรูปแบบการเล่นที่ชัดเจนมากกว่าและความกระตือรือร้นที่มีมากกว่าอย่างชัดเจน จนทำให้มีกระแสเกิดขึ้นมาตามมาว่าผู้ที่ทำให้หงส์แดงตกต่ำในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกคือ รอย ฮ็อดจ์สันจริงหรือ
ปัญหาใหญ่ของลิเวอร์พูลในตอนนี้มีอยู่สองจุดใหญ่ๆ ซึ่งถ้าไม่ได้รับการแก้ไขในช่วงปิดฤดูกาลนี้ คงจะอีกนานครับกว่าหงส์แดงตัวนี้จะกลับมาอาละวาดได้อีกครั้ง
ข้อแรก : กองหลังในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ทั้งหมดที่มีในตอนนี้สามารถปล่อยไปได้ทุกตัวครับ โดยเฉพาะ คีย์เกียกอส สเคอร์เทล หรือแม้กระทั่ง คาราเกอร์ สามคนนี้เป็นเซนเตอร์สไตล์เดียวกันทั้งหมด เข้าบอลหนัก โฉ่งฉ่าง ทางบอลน้อย โยนยาวไร้ความแม่นยำ กองหลังแบบนี้หาได้ทั่วไป หลับตาเลือกซื้อก็เจอแล้วครับ
ข้อสอง : มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกม
ลุคัส - ถ้าแค่นี้ถือว่าเล่นได้ดีแล้ว ก็สมควรแล้วครับที่ทีมจะไม่พัฒนา จ่ายบอลไม่มีทีเด็ด ไม่มีการยิงไกล ต้องรอให้โดนผู้เล่ยฝ่ายตรงข้ามเข้ามาแซะบอลที่ตัวก่อน ถึงจะจ่ายบอล ตัดฟาล์วพร่ำเพรื่อ ถึงแม้ว่าจะวิ่งไล่บอลเยอะในแต่ละเกม แต่ถ้ายกข้อนี้มาอ้าง ผมว่าถ้าจับเอา ยูเซน โบลด์มาเล่นอาจจะทำได้ดีกว่าลุคัส นะ
ราอูล เมเรเลส - ได้รับการยกย่องเกินไปมากจริงๆครับ วิ่งเหยาะแหยะ ให้บอลธรรมดาและออกบอลช้า ความแม่นยำไม่มาก ถึงแม้ว่าจะสอดมาทำประตูได้บ้างก็ตาม
สเปียร์ริ่ง - วิ่งเยอะ เข้าบอลหนัก แค่นี้ก็ถือว่าเล่นดีแล้วสำหรับลิเวอร์พูล
หวังว่า เคนนี่ จะเห็นแบบที่ผมเห็นนะครับ.....
อย่างไรก็ตาม You'll never walk alone ครับ
Friday, 18 March 2011
อีกหนึ่งความช้ำของซีซั่น
ย่ำแย่และก็สมควรที่จะตกรอบจริงๆครับ สำหรับฟอร์มของหงส์แดงทั้งๆที่เล่นในแอนฟิลด์แต่ก็ทำอะไรผู้มาเยือนอย่างบราก้าไม่ได้ทำให้รวมผลสองนัดบราก้าที่ตุนสกอร์หนึ่งลูกมาจากนัดแรกนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ส่วนลิเวอร์พูลต้องจบเส้นทางในฟุตบอลยุโรปไว้เพียงแค่รอบนี้เท่านั้น
นัดนี้แอนดี้ คาโรลล์ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรกตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่วนตำแหน่งอื่นๆยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ลูคัส เมเรเลส มักซี่ โคลและเค้าท์ ลงสนามคุมพื้นที่แดนกลางพร้อมกัน ส่วนแดนหลังนำทีมโดย คาราเกอร์ สเคอร์เทล จอห์นสันและวิลสัน ในตำแหน่งแบ็กซ้าย
เริ่มต้นเกมเจ้าถิ่นรุกใส่ทีมเยือนอย่างคึกคักโดยอาศัยบอลโด่งโดยมีเป้าหมายที่คาโรลล์ในแดนหน้าและก็เกือบขึ้นนำในหลายๆจังหวะแต่ก็ยังไม่ได้ จนเล่นไปเล่นมาดูเหมือนว่าทีมเยือนจะจับทางได้เพราะนักเตะหงส์แดงวันนี้เล่นบอลยาวอย่างเดียว กองกลางไม่สามารถเก็บบอลได้เลย จังหวะชิ่งบอลเหมือนที่ผ่านๆมาหายไปหมด จนจบครึ่งแรกก็ยังทำอะไรทีมเยือนไม่ได้
ครึ่งหลังรูปเกมก็ยังเป็นแบบในครึ่งแรก บอลยาวตั้งแต่แดนหลังไล่ไปจนถึงกองกลาง โดยมีเป้าหมายที่คาโรลล์ก็ยังทำอะไรทีมเยือนไม่ได้ อีกทั้งแดนกลางในนัดนี้ดูเฉื่อยฉาเหมือนขาดแรงกระตุ้นในการเล่นมากโดยเฉพาะเมเรเลส จังหวะจ่ายบอลเสียเยอะเหลือเกินและไม่ไล่บอล ส่วนลูคัสก็หนักไปทางทำฟาล์วแบบพร่ำเพรื่อ ด้านโจ โคลและมักซี่ หายไปจากเกมทั้งคู่ จะมีเพียงเดิร์ค เค้าท์เท่านั้นที่ยังเล่นได้ตามฟอร์มและขยันเหมือนที่ผ่านมาแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก ด้านกองหลังก็ก้มหน้าก้มตาโยนยาวแต่ไร้ซึ่งความแม่นยำ จนทำให้รูปเกมของเจ้าถิ่นแทบไม่ได้ลุ้นเลย แม้ว่าท้ายเกมเกือบจะได้ประตูจากการยิงแบบจ่อๆของสเคอร์เทล แต่ก็ยังไม่ผ่านมือนายทวารทีมเยือน แม้ว่าทีมกำลังจะตกรอบแต่พลพรรคเดอะ ค็อปก็ยังร้องเพลง you'll never walk alone ให้กำลังใจนักเตะอยู่ตลอด จนจบเกมหงส์แดงทำได้แค่เสมอและตกรอบไปแบบไม่ได้ลุ้นเลย
หลังจากเกมนัดนี้บรรดากองเชียร์เดอะ ค็อปก็ได้แต่หวังว่าในฤดูกาลนี้ที่เหลืออยู่ทีมจะทำผลงานได้ดีเพื่ออันดับที่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในบอลลีค และหวังว่าในฤดูกาลหน้าทีมจะกลับมามีลุ้นแชมป์อีกครั้งหนึ่งครับ
ปล เดอะ ค็อป ยอดเยี่ยมจริงๆครับ
Saturday, 12 March 2011
น้ำหอม กะ ลิเวอร์พูล
น้ำหอม กะ ลิเวอร์พูล
หลายๆคน คงจะงงว่า น้ำหอม กะ ลิเวอร์พูล เกี่ยวกันอย่างไร ทำไมจึงมาเขียนเรื่องนี้ ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเจ้าของเว็บไม่ได้เป็นคนเขียน เป็นเพื่อนของเจ้าของเว็บที่เป็นคนเขียน ผมเป็นคนขายน้ำหอม ชอบน้ำหอมและชอบลิเวอร์พูล ผมจึงมาช่วยเขียนบทความที่เกี่ยวกับลิเวอร์พูลและฟุตบอล แต่เขียนเกี่ยวกับลิเวอร์พูลอย่างเดียวไม่ถนัด ผมจึงเขียนข่าวน้ำหอมของลิเวอร์พูล และผมก็หาบทความเกี่ยวกับน้ำหอมและลิเวอร์พูลมาแปลให้เพื่อนๆได้ทราบกัน
น้ำหอมบนโลกนี้มีมากมายหลายร้อยหลายพันแบรนด์และรุ่น และลิเวอร์พูลก็มีน้ำหอมในหลายๆแบรนด์ด้วยเช่นกัน L4 เป็นชื่อน้ำหอมของลิเวอร์พูลโดยรุ่นนี้มีทั้งน้ำหอมของผู้ชายและน้ำหอมของผู้หญิง โดยน้ำหอม L4 Men เปิดตัวครั้งแรกในช่วงคริสมาสต์ปี 2008 ส่วนน้ำหอมผู้หญิง มีชื่อน้ำหอมว่า L4 Ladies เปิดตัวในช่วงคริสมาสต์ปี 2010 โดยมีราคา 12 ปอนด์ 25 มิลลิลิตร น้ำหอมผู้หญิงจะให้กลิ่นแนวดอกไม้ เช่นกลิ่น มะลิ, กุหลาบ, muguet, violet และกลิ่นเบสตามมาด้วยกลิ่น Wood และ Soft Musk น้ำหอมนี้เป็นน้ำหอมประเภท Eau De Toilette
แฟนหงส์ตัวจริง หาน้ำหอมมาใช้กันได้เลยจ้า หอมไม่หอมอย่างไรมาคอมเมนท์ให้ด้วยน้า...
ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจัดการส่งอาร์เซน่อลกลับลอนดอนไปรักษาแผลใจจากการหมดลุ้นแชมป์ถึงสามรายการในเวลาแค่สองสัปดาห์หลังจากเปิดบ้านเอาชนะปืนใหญ่ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 ในศึกเอฟ เอ คัพรอบที่ห้า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
เชื่อว่าก่อนที่เกมจะเริ่มขึ้นแฟนผีหรือแม้กระทั่งแฟนบอลทั่วโลกที่ได้ทราบรายชื่อผู้เล่นของเจ้าถิ่นก่อนลงสนามคงจะอดประหลาดใจไม่ได้ท่านเซอร์คิดอะไรอยู่ถึงได้จัดกองหลังอาชีพลงลงสนามเป็นสิบเอ็ดผู้เล่นตัวจริงถึงเจ็ดคนประกอบไปด้วย บราวน์,วิดิช สมอลลิ่ง, เอฟร่า, ราฟาเอล, ฟาบิโอและโอเชีย โดยสามรายหลังลงสนามในตำแหน่งกองกลาง ทำให้แฟนผีเกิดอาการเสียวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนทีมเยือนอาแซน เวนเกอร์จัดทีมตามคาด โดยส่งฟาน เพอร์ซี่, นาสรี่และอาร์ชาวิน เป็นสามประสานในแดนหน้า
เกมช่วงต้นเป็นอาร์เซน่อลที่เป็นฝ่ายควบคุมเกมเอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ โดยกองกลางยูไนเต็ดยังหาบอลกันไม่เจอ แต่เกมรับก็ยังเหนียวแน่นต้านทานเกมบุกทีมเยือนไว้ได้ จนกระทั่งผีแดงเริ่มจะพอตั้งเกมได้และมาได้ประตูขึ้นนำอย่างไม่คาดฝันเมื่อฟาบิโอตามซ้ำแบบจ่อๆจากลูกโหม่งของชิชาร์ริโต้ที่โดนอัลมูเนียเซฟไว้ได้ จากนั้นเกมก็ยังตกเป็นของอาร์เซน่อลแต่ก็ยังหาทางเจาะประตูเจ้าถิ่นไม่ได้เพราะวันนี้นักเตะเกมรับเยอะเหลือเกิน จบครึ่งแรกเจ้าถิ่นนำอยู่หนึ่งลูก
เริ่มครึ่่งหลังท่านเซอร์ส่งวาเลนเซียลงสนามมาสร้างความจี๊ดจ๊าดทางริมเส้นแทนฟาบิโอ แต่อาร์เซน่อล ก็ยังเปิดเกมรุกได้มากกว่าเช่นเคย แต่กองหลังของเจ้าถิ่นทั้งวิดิชและสมอลลิ่งยังประสานงานกันได้ดี โดยเฉพาะสมอลลิ่งที่โดดเด่นมากในนัดนี้ แต่ทีมเยือนก็เกือบจะได้ประตูตีเสมอหลายครั้งแต่น้าซาร์ก็ยังไม่พลาด มิหนำซ้ำเจ้าถิ่นก็มาได้ประตูที่สองอีกครั้งจากการโหม่งของรุนี่ย์ และหลังจากโดนประตูที่สองไปนักเตะทีมเยือนดูเหมือนจะถอดใจ โดยเฉพาะอาร์ชาวิน ที่ดูเฉื่อยฉาเหลือเกิน จ่ายบอลพลาดและดูไม่ค่อยขยันไล่บอลเท่าที่ควร จะมีก็แค่วิลเชียร์และนาสรี่ เท่านั้นที่ยังดูมีความพยายามปั้นเกมให้ทีมเยือนแต่ก็ยังไม่สามารถยิงผ่าน ฟาน เดอ ซาร์ ที่วันนี้ยืนตำแหน่งได้ดีเหลือเกินไปได้
หลังจากนั้นทั้งสองทีมก็มีการทยอยเปลี่ยนตัวสำรองลงสนามกันมาอย่สงต่อเนื่อง และอาร์เซนอลก็มีโอกาสที่น่าจะได้ประตูตีไข่แตกหลายครั้งจากทั้ง ฟาน เพอร์ซี่และชามัคห์แต่น้าซาร์ก็ยังไม่พลาดอีกตามเคย หลังจากโหมบุกหนักแต่ก็ยังไมได้ประตู ทำให้ทีมเยือนดูจะถอดใจและยอมรับกับผลการแข่งขันในนัดนี้ไปแล้ว ทำให้จบเกมปีศาจแดงยัดเยียดความปราชัยให้ทีมเยือนไป 2-0
วิเคราะห์หลังเกม
ท่านเซอร์นัดนี้เก็บผู้เล่นตัวจริงไว้ข้างสนามเพื่อรักษาความสดเอาไว้ในเกมกลางสัปดาห์และส่งดาวรุ่งลงสนามมาหลายคน แต่ทุกคนก็ไม่ทำให้ผิดหวังโดยเฉพาะฝาแฝด ราฟาเอลและฟาบิโอที่ดูจะเล่นได้ตามแผนที่เซอร์อเล็กซ์วางไว้โดยโดดเด่นทั้งเกมรุกและรับและประสานงานกับรูนี่ย์และชิชาร์ริโต้ ได้สวยๆหลายต่อหลายครั้ง ส่วนในแนวรับสมอลลิ่งก็ดูเหมือนว่าจะปรับตัวได้ดีขึ้นเรื่อยจากการยืนคุ่กับวิดิชมาตลอดในช่วงหลังจนทำให้หลายคนลืมริโอ เฟอร์ดินานด์ไปแล้ว ด้านแนวรุกของทีมเยือนไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับพวกเขาได้มากนักเพราะดูนักเตะทีมเยือนทั้งดูเหมือนจะล้าและดูจะยังไม่สร่างจากผลงานที่น่าผิดหวังในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ว่าผู้เล่นอย่างนาสรี่, วิลเชียร์และฟาน เพอร์ซี่ จะพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ในรายของอาร์ชาวิน ถือว่าผลงานในนัดนี้สอบตกอย่างชัดเจนผิดพลาดตลอดทั้งเกมและดูขาดความฟิตและแรงกระตุ้นเป็นอย่างมาก จนทำให้ไม่สามารถช่วยทีมให้รอดจากความปราชัยในนัดนี้ไปได้
หลังจากนัดนี้เราต้องมาดูกันต่อไปว่า อาแซน เวนเกอร์จะกระตุ้นลูกทีมให้กลับมาสู้และลุ้นกับอีกหนึ่งรายการที่เหลือความหวังอยู่ในฤดูกาลนี้คือถ้วยพรีเมียร์ลีคได้ดีมากน้อยขนาดไหนและท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันจะพาปีศาจแดงเถลิงบัลลังก์แชมป์สมัยที่ 19 แซงหน้าอริอย่างลิเวอร์พูลได้หรือไม่ โปรดติดตามกันต่อไปครับบบบบ
Preview Big Match FA cup
บิ้กแมตช์เกมเอฟ เอ คัพรอบแปดทีมสุดท้ายในคืนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่หวังจะคว้าแชมป์ในถ้วยใบนี้เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ ไอ้ปืนใหญ่ อาเซร์น่อล ที่ช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีโชคเอาซะเลยทั้งพลาดแชมป์ลีค คัพและตกรอบยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีคที่พ่ายบาร์เซโลน่ามาเมื่อกลางสัปดาห์
เกมนี้ผีแดงเจ้าถิ่นจะไม่มี นานี่ ปีกตัวเก่งแน่นอนหลังจากบาดเจ็บจากการโดนคาราเกอร์เข้าสกัดแบบรุนแรงจากเกมแดงเดือดที่พ่ายลิเวอร์พูล 3-1ส่วนตัวแทนอย่าง วาเลนเซียยังไม่น่าจะพร้อมสำหรับเกมนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ส่วนเกมรับจะได้เนมานย่า วิดิช กลับมาจากโทษแบน ส่วนแดนหน้าต้องเดาว่าท่านเซอร์จะเลือกใครมาจับคู่กับ รูนี่ย์
ทีมเยือนอาร์เซน่อลจะไม่มี เชส ฟาเบรกัสกองกลางตัวเก่งเช่นเดียวกันเนื่องจากอาการบาดเจ็บและเชสย์นี่ นายทวารเบอร์หนึ่่งที่เจ็บนิ้วจากเกมพ่ายบาร์เซโลน่าเช่นเดียวกัน ส่วนวัลคอตต์,ซง, แฟร์มาเล่น ยังบาดเจ็บอยู่ทั้งหมด โดยฝากความหวังไว้กับฟาน เพอร์ซี่ที่จะลงเป็นหน้าเป้าในนัดนี้
ความน่าจะเป็นของเกม
ทีมเยือนคงจะมาเน้นเกมรับให้รัดกุมมากขึ้นกว่าเดิมและแพ็คกองกลางให้แน่นเพื่อกุมความได้เปรียบในแดนกลางและใช้จังหวะสวนกลับเร็วเพื่อเล่นงานกองหลังเจ้าถิ่นโดยอาศัยความเร็วของแนวรุกอย่าง เพอร์ซี่, นาสรี่และอาร์ชาวิน เป็นทีเด็ด ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าถิ่นแม้จะต้องโดนบีบให้เล่นเกมรุกแต่ก็คาดว่าคงจะไม่ผลีผลามเช่นกันและจะอาศัยความขยันของแดนกลางของผู้เล่นอย่าง เฟล็ทเชอร์หรืออันเดอร์สันวิ่งทำลายเกมของทีมเยือน และนัดนี้จะไม่มีนานี่ปีกตัวความหวัง ทำให้เกมบุกทางริมเส้นที่เป็นทีเด็ดของทีมหายไปทำให้นัดนี้ความหวังในของทีมคงจะหนีไม่พ้น รูนี่ย์ อีกตามเคย
ฟันธง
นัดนี้มีความรู้สึกว่า ปืนใหญ่ น่าจะคัมแบ็คกลับมาได้ ส่วนจะบุกไปชนะได้เลยมั้ย ต้องรอดูกัน แต่มีความมั่นใจลึกๆว่าปืนโตปิดประตูแพ้ในนัดนี้ครับและมีความเป็นไปได้ที่อาร์เซน่อลจะบุกไปช็อคปีศาจแดงถึงถิ่นเช่นกัน ส่วนสกอร์น่าจะอยู่ที่ 1-2
Subscribe to:
Posts (Atom)